หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

บุญเดือนสามบางเรื่องในมหาสารคาม


ชาวอีสานและชาวจังหวัดมหาสารคามมีขนบธรรมเนียมและประเพณีที่ปฎิบัติสืบต่อกันมาช้านาน แต่มีข้อแตกต่างปลีกย่อยออกไปบ้างตามพื้นที่ สภาพทางภูมิศาสตร์ สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติ ซึ่อเรียกว่า ฮีตสิบสองฮีตสิบสองมาจากคำ 2 คำ คือ ฮีต กับ สิบสองฮีตมาจากคำว่า จารีต หมายถึงสิ่งที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาจนกลายเป็นประเพณีที่ดีงามชาวอีสาน เรียกว่า จาฮีต หรือฮีต สิบสอง หมายถึง เดือนทั้ง 12 เดือนในหนึ่งปีฮีตสิบสอง จึงหมายถึงประเพณีที่ประชาชนชาวอีสานได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาในโอกาสต่างๆ ทั้งสิบสองเดือนในแต่ละปีประเพณีทั้งสิบสองเดือนที่ชาวอีสานถือปฏิบัติกันมานั้นล้วนเป็นประเพณีที่ส่งเสริมให้คนในชุมชน ได้ออกมาร่วมกิจกรรมพบปะสังสรรค์กันเพื่อความสนุกสนานรื่นเริงและเพื่อความสมานสามัคคีมีความรักใคร่กัน ของคนในท้องถิ่นซึ่งเป็นการสืบทอดสิ่งที่ดีงามมาจวบจนปัจจุบัน ประเพณีอีสานส่วนใหญ่จะมีเอกลักษณ์แตกต่างจากประเพณีภาคอื่นๆ (อาจคล้ายคลึงกับประเพณีของทางภาคเหนือบ้างเพราะมีที่มาค่อนข้างใกล้ชิดกัน)ประเพณีอีสานได้รับอิทธิพลมา จากวัฒนธรรมล้านช้าง(แถบหลวงพระบางประเทศลาว)จึงจะเห็นได้ว่าประเพณีของชาวอีสานและชาวลาวมีความคล้ายกันเพราะมีที่มาเดียวกันและชาวอีสานและชาวลาวก็ไปมาหาสู่กนเป็นประจำเยี่ยงญาติพี่น้องทำให้มีการถ่ายเทวัฒนธรรมระหว่างกันด้วย
ส่วนในบุญเดือนยี่ เดือนสาม ชาวอีสานจะทำบุญชนิดหนึ่งที่เรียกว่า บุญกุ้มข้าวใหญ่ มีลักษณะที่คล้ายบุญคูณลานในเดือนสอง การจัดทำประเพณีนี้ไม่ค่อยมีการนิยมมากนัก อาจมีอยู่บ้างเล็กน้อยเช่น บุญกุ้มข้าวใหญ่ ที่อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ , บุญกุ้มข้าวใหญ่ อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น เป็นต้น แต่ระดับหมู่บ้านก็มีบ้างเล็กน้อยอาจไม่ได้กล่าวถึง
จากการลงพื้นที่ศึกษาการประกอบพิธีกรรมบุญกุ้มข้าวใหญ่ของบ้านหนองบัวแปะ ตำบลขามเรียนอำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม พบว่า
ความเชื่อที่เกี่ยวข้อง ตามตำนานเล่าว่า ครั้งพุทธกาลสมัยพระกัสสปะ มีชายสองพี่น้องทำนาในที่เดียวกันพอข้าวออกรวง เป็นน้ำนม น้องชายได้ชวนพี่ชายทำข้าวมธุปายาสถวายพระสงฆ์ แต่พี่ชายไม่เห็นชอบด้วยสองพี่น้องจึงแบ่ง นากันคนละส่วน เมื่อน้องชายได้เป็นเจ้าของที่นาที่แบ่งกันแล้ว จึงถวายทานแด่พระภิกษุสงฆ์ตามความพอใจ โดยทำบุญเป็นระยะถึง ๙ ครั้ง นับแต่ข้าวเป็นน้ำนมก็ทำข้าวมธุปายาสถวายครั้งหนึ่ง เวลาข้าวพอเม่าก็ทำ ข้าวเม่าถวายครั้งหนึ่ง เวลาจะลงมือเก็บเกี่ยวข้าวก็ถวายทานครั้งหนึ่ง เวลามัดข้าวทำเป็นฟ่อนก็ถวายทานครั้งหนึ่ง เวลาขนข้าวเข้าลานก็ถวายทานครั้งหนึ่ง เวลาทาลอม(กองข้าว) เสร็จก็ถวายทานครั้งหนึ่ง เวลานวด ข้าวก็ถวายทานครั้งหนึ่ง เวลาตวงข้าวก็ถวายทานครั้งหนึ่ง และเวลาเก็บข้าวใส่ยุ้งฉางเสร็จก็ทำบุญอีกครั้งหนึ่ง แต่ตั้งปณิธานปรารถนาให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ในอนาคต พอถึงพุทธศาสนาพระสมณโคดมจึงได้เกิด เป็นโกณฑัญญะ ได้ออกบวชและสำเร็จเป็นพระอรหันต์เป็นปฐมสาวกได้ชื่อว่า อัญญาโกณฑัญญะ ส่วน พี่ชายได้ทำบุญเพียงครั้งเดียวเฉพาะตอนทำนาเสร็จแล้ว เมื่อถึงศาสนาพระสมณโคดม ได้เกิดเป็น
สุภัทปริพาชก ได้สำเร็จอนาคามิผลเป็นพระอริยบุคคลองค์สุดท้ายในพระพุทธศาสนา เนื่องจากอานิสงส์จาก ให้ข้าวเป็นทานน้อยกว่าน้องชาย ชาวอีสานเมื่อทราบอานิสงส์จากการทำบุญดังกล่าว จึงได้นิยมทำที่เกี่ยวกับข้าวตลอดทั้งปี รวมทั้งบุญกุ้มข้าวต่อ ๆ มา จนปัจจุบัน
ช่วงระยะเวลา กำหนด 2 วัน ไม่นับวันเตรียมการ คือวันที่ 28 – 29 มกราคม 2555  คือ ชาวบ้านจะมาประชุมเพื่อแบ่งหน้าที่ในการทำงาน และก่อนวันงานจะมีการนำข้าวของบ้านแต่ละหลังมารวมกัน พร้อมโยงสายสิญจ์จากยุ้งฉางมายังลานพิธี ห่อข้าวต้มมัด จัดเตรียมอาหาร  ส่วนวันที่ 28 ในตอนเช้ามีการทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ หลังจากนั้นเวลาประมาณ 9.39 น. จะเป็นพิธีทางพราหมณ์ โดยจะมีการสู่ขวัญข้าวเช่นเดียวกับบุญคูณลาน มีเครื่องบวงสรวงพระแม่โภสพ ได้แก่  เครื่องฮ้อย คือ นำหมากพลูมาร้อยเป็นสายให้ได้หนึ่งร้อย เครื่องพัน คือ นำพลู บุหรี่มาพันแล้วร้อยให้ได้หนึ่งร้อย ไก่ต้มบ้านหละ 1 ตัว ผักผลไม้ต่างๆ วางบนมณฑลพิธีที่ประดับไปด้วยตุงยาวทั้งสี่ด้านและกล้วยอ้อยที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ เมื่อเสร็จพิธีมีการฟ้อนรำ เป่าแคนอย่างสนุกสนาน เป็นเสร็จพิธีในช่วงเช้า เมื่อถึงเวลาเพลก็นิมนต์พระสงห์เข้ามาฉันอาหารที่ลานพิธีอีก เมื่อเวลาประมาณ บ่าย 3 โมง ก็จะมีการแห่ข้าว ผักผลไม้ไปตามทางที่ได้กำหนดไว้ โยมีกลองยาวให้ความสนุกสนาน ตอนกลางคืนมีมหรสพสมโภชตามสมควร รุ่งเช้าของวันที่ 29 นิมนต์พระสงฆ์มาฉันอาการ ณ มณฑลพิธีอีกครั้งหนึ่งเป็นเสร็จพิธี หลังจากนั้นข้าวที่นำมารวมกันก็จะนำไปขายเพื่อเอาเงินมาเข้ากองทุนของหมู่บ้าน
สถานที่ประกอบพิธี ใช้ศาลากลางบ้านเป็นที่ประกอบพิธีกรรม
ผู้เข้าร่วมพิธีกรรม ฝ่ายสงฆ์ พระสงฆ์วัดหนองบัวแปะทุกรูป , ฝ่ายฆราวาส คนในชุมชนหนองบัวแปะทุกคน
ผลที่ได้รับจากการประกอบพิธี  เป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมและประเพณี
บทวิเคราะห์
การทำบุญกุ้มข้าวใหญ่ของชาวบ้านหนองบัวแปะ ตำบลขามเรียน อำเภอยางสีสุราช จังหวัดมหาสารคาม ยังมีความเป็นพื้นบ้านอยู่ คือ ชาวบ้านจัดการ ดำเนินการเองรัฐงไม่ได้มีส่วนไปเกี่ยวข้อง ผู้เข้าร่วมก็ยังเป็นชาวบ้านและสามารถเข้าร่วมได้ทุกคน ไม่มีการบังคบว่าใครต้องเข้าร่วมเหมือนส่วนราชการจัดขึ้น เป็นการประกอบพิธีแบบเดิมที่สืบปฏิบัติมา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น