หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2555

การมาเยือนจังหวัดมหาสารคามของฟรานซิส คริปส์

“เมื่อผมมาอยู่จังหวัดมหาสารคามครั้งแรก ผมแปลกใจว่าระบอบการปกครองของต่างจังหวัดในไทยดูคล้ายกับระบอบการปกครองที่ใช้ในอาณานิคมของประเทศอังกฤษและฝรั่งเศษ ไม่เหมือนระบอบที่ใช้ในประเทศที่ปกครองตนเอง ทำให้รู้สึกว่าคนในเมืองหลวงจะมองต่างจังหวัดเป็นอาณานิคม”(สภาพอีสาน :11)
          เป็นคำกล่าวของฟรานซิส คริปส์ ที่กล่าวในปี พ.ศ. 2551 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงทัศนคติของคนต่างชาติรุ่นใหม่ที่มองสังคมไทย และยังสะท้อนถึงมุงมองของคนกรุงเทพฯหรือคนเมืองหลวงในการมองคนต่างจังหวัด เช่น ในวันที่ฟรานซิส คริปส์ มาที่กระทรวงศึกษาธิการ เจ้าหน้าที่ที่กระทรวงบอกกับ ฟรานซิส คริปส์ ว่า จังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขาเล่ากันว่าไกลมาก กันดารมาก ลำบากมาก บางคนพูดเสียงน่ากลัวว่า ยังกับทะเลทราย ล้าหลังที่สุดในประเทศ (สภาพอีสาน : 28)
          ฟรานซิส คริปส์ อาสาสมัครชาวอังกฤษถูกส่งไปสอนที่โรงเรียนฝึกหัดครูมหาสารคาม ในปี พ.ศ. 2504ซึ่งได้พบเห็นสภาพท้องถิ่น บ้านช่อง ไร่นา การทำมาหากิน ตลอดจนความเป็นอยู่ของผู้คนในหลายจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดมหาสารคาม และสะท้อนสภาพท้องที่อีสานและจังหวัดมหาสารคามได้เป็นอย่างดี เขามองมหาสารคามว่า”แม้จะเป็นจังหวัด แต่มหาสารคามก็เป็นเมืองเล็ก ผู้คนใช้ชีวิตกันอย่างสงบเงียบ เหมือนตามบ้านนอกทั่วไป จะว่าไปแล้วชาวเมืองที่แท้จริง เห็นจะได้แก่พ่อค้าแม่ค้า ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ในถิ่นห้องแถวธุรกิจนั้นเอง สำหรับคนอื่นๆรวมทั้งข้าราชการด้วย ส่วนมากอยู่กันตามบ้านเรือนยกเสาสูงแบบชนบท ในท่ามกลางหมู่ไม้ซึ่งแตกดอกออกผลให้ได้เก็บกินตามฤดูกาล  อาชีพของชาวมหาสารคามคือทำนา นอกจากนั้นจะมีการปลูกปอบ้าง ดังที่สคลิปส์ถ้าคุพนมว่า ปีนี้เขาปลูกปอกันมากไหม ทำไมไม่ตั้งสหกรณ์ และมหาสารคามเห็นจะไม่มีรถมากนักเป็นแน่ เพราะป้ายรถแลนด์โรเวอร์ของเรานั้นหมายเลข มค.0001  
          ในด้านความเชื่อ ช่วงนี้ชาวมหาสารคามโดยเฉพาะนักศึกษาในวิทยาลัยการศึกษา กลัวกันมาก จนอยู่คนเดียวไม่ได้ และมีการถามสคลิปส์ว่านอนคนเดียวไม่กลัวหรอ แสดงให้เห็นมิติความเชื่อเรื่องผีในสังคมเมืองมหาสารคาม ซึ่งสืบเนื่องมาจากความเชื่อที่นักศึกษาเหล่านั้นมีอยู่แล้วเมื่อยังอยู่ที่บ้าน หรือที่เรียกว่าความเชื่อทางจิตวิญญาณ มีพิธีกรรมมากมายที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับจิตวิญญาณ เช่น การเป่าแคนเพื่อติดต่อกับสิ่งเหนือธรรมชาติหรือผี แม้กระทั้งการบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นวิธีหนึ่งที่ทำให้จิตใจผ่องแผ้วมั่นคง ร่างกายที่เจ็บไข้ไม่ปกติจะฟื้นคืนมาและยังมีการกล่าวถึงการนิยมแขวนพระเครื่องของคนอีสานสำหรับคุ้มครองและป้องกันตัว หรือนำมาซึ่งโชคลาภ และยังมีความเชื่อว่าถ้าได้นำพระเครื่องใส่ลงในบาตรเวลาที่มีการอุปสมบทจะทำให้พระเครื่องมีพุทธานุภาพมากขึ้นด้วย
          ส่วนในเรื่องการคมนาคมในสมัยนี้ งานเขียนของสคลิปส์แสดงให้เห็นว่าเมืองมหาสารคามและเมืองใกล้เคียงนั้นยังมีการคมนาคมที่ล้าหลังมาก ยังไม่มีการลาดคอนกรีต เช่นทางบอบือ-บ้านไผ่ , มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ส่วนในเรื่องไฟฟ้านั้นมีบ้างแล้วแต่ก็ยังมีการใช้ตะเกียงกันอยู่
          ทัศนคติของสคลิปส์มองมหาสารคามในเรื่องอาหารเขามองว่าเป็นอะไรที่ไม่น่ากินเลย บางอย่างขม บางอย่างเคม บางอย่างเปรี้ยว บางอย่างเผ็ด ซึ่งเป็นปกติของชาวต่างชาติที่มาอยู่เมืองไทย แม้ในปัจจุบันก็ยังเป็นอยู่
          นอกจากนี้เขายังได้เดินทางท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ เมื่อเขามาเยื่อนภาคอีสานครั้งที่ 2 เช่น กาฬสินธุ์ เขื่อนลำปาว กุฉินารายณ์ จตุรพักตรพิมาน รวมทั้งเมืองท่าขอนยางที่มหาสารคามด้วย ซึ้นพื้นที่ต่างๆที่เขาได้ท่องเที่ยวไปเขาก็จะถามถึงประวัติบ้านเมืองและสิ่งที่เขาสงสัย รวมทั้งวิถีชีวิตของแต่ละท้องถิ่นไว้อย่างดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น